เชียงใหม่ – นายสมคิด นาข้าม อายุ 48 ปี ชาว ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง นำเอกสารเป็นสลิปการชำระเงินและใบเสร็จรับเงินจากบริษัทลีสซิ่งแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อเป็นหลักฐานใช้ดำเนินคดี โดยระบุว่า เดือดร้อนร้อนอย่างหนัก หลังจากที่ได้เช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทดังกล่าว แต่ทางบริษัทกลับไม่โอนเล่มทะเบียนให้ ทั้งที่ปิดบัญชีไปทั้งหมดมานานกว่า 1 ปี
นายสมคิด ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน บบ 5402 ลำปาง กับบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ราคาเช่าซื้อทั้งหมด 532,059 บาท ระยะเวลาการผ่อนชำระ 72 งวด งวดละ 7,389 บาท ที่ผ่านมาได้ผ่อนชำระตามปกติ แต่ในปี 2561 มีการชำระค่างวดล่าช้าประมาณ 5 งวด โดยในแต่ละงวดดังกล่าว แม้จะล่าช้าแต่ก็ได้จ่ายให้ครบทุกงวดพร้อมกับค่าปรับและค่าติดตามทวงถามตรามที่บริษัทแจ้งมา หลังจากนั้นก็ได้จ่ายค่างวดตามปกติเรื่อยมา
กระทั่งปลายเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งขณะนั้นตนเองมีปัญหาทางการเงินและติดค้างค่างวดอยู่ 3 งวด โดย เป็น 3 งวดสุดท้ายของการเช่าซื้อ ก่อนจะตัดสินใจไปยืมเงินมาก้อนหนึ่งเพื่อปิดบัญชีกับทางบริษัท โดยทางบริษัทได้แจ้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เป็นค่างวดคงค้าง ค่าปรับ และ ค่าติดตามทวงถามอีก 1,500 บาท ตนก็ได้จ่ายไปทั้งหมดเพื่อปิดบัญชี หลังจากนั้นอีกประมาณ 3 เดือน ทางบริษัทได้ส่งชุดเอกสารสำหรับโอนกรรมสิทธิ์รถมาให้ พร้อมกับแจ้งให้ส่งเอกสารพร้อมกับโอนค่าธรรมเนียมการโอนรถอีกหนึ่งพันกว่าบาท ตนเองก็ได้ส่งเอกสารพร้อมโอนเงินไปให้ แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นทางบริษัทก็เงียบไป เมื่อโทรศัพท์ไปทวงถาม ทางบริษัทกลับแจ้งว่า ไม่สามารถโอนรถให้ได้ เนื่องจากติดค้างค่าติดตามทวงหนี้อยู่เกือบสองหมื่นบาท ส่วนเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่โอนมาให้ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถคืนให้ได้ เนื่องจากเงินเข้าระบบไปแล้ว
นายสมคิด ยืนยันว่าได้จ่ายเงินครบทั้งค่างวด ค่าปรับ และ ค่าติดตามทวงถามในช่วงที่จ่ายล่าช้าไปทั้งหมดแล้ว โดยมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงินพร้อมใบเสร็จรับเงินที่ทางบริษัทได้ส่งมา จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดทางบริษัทจึงไม่ยอมโอนรถให้ ทั้งที่ตนเองได้ปิดบัญชีไปทั้งหมดแล้ว และในตอนที่สอบถามยอดปิดบัญชี ก็ยังคิดค่าติดตามทวงถามรวมไปแล้ว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นได้พยายามติดต่อกับทางบริษัท แต่ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมคือติดค้างค่าติดตามทวงถาม ซึ่งทางบริษัทก็ไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นค่าติดตามของงวดไหน เป็นเงินเท่าไหร่ และ วิธีการคิดเป็นอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ตนเองเดือดร้อนหนัก เพราะตนเองมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและต้องตกงานมานานหลายเดือนจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 จึงต้องการที่จะนำรถไปเข้าไฟแนนซ์นำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีเล่มทะเบียนรถ เมื่อสอบถามไปกับทางบริษัทและรอมานานเกือบปี เรื่องกลับไม่คืบหน้า จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความและร้องเรียนกับสื่อมวลชนขอให้ช่วยตรวจสอบ เพราะตนเองก็เป็นคนบ้านนอกไม่มีความรู้อะไร ทั้งหมดนี้ต้องการเพียงเล่มทะเบียนรถของตนเองไปเข้าไฟแนนซ์เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังแจ้งความนายสมคิดได้เดินทางไปที่บริษัทไฟแนนซ์ดังกล่าว ซึ่งมีสำนักงานอยู่บนถนนช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบและชี้แจงว่ายอดปิดบัญชี ณ วันที่ 11 มีนาคม 2562 ที่มีการสอบถามเพื่อขอปิดบัญชี มียอดรวมทั้งหมดทั้งค่างวดและค่าปรับรวม 39,137 บาท และในวันดังกล่าวนายสมคิดได้ชำระมา 25,221 บาท เงินจำนวนนี้ทางบริษัทได้ตัดเป็นค่างวดสามงวดสุดท้าย ส่วนเงินที่เหลือตัดเป็นค่าติดตามทวงถาม แต่ยังคงมีหนี้ค่าติดตามคงค้างอีก 13,915 บาท ทำให้ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้ได้.