น้ำตาคลอเบ้า! ด.ญ.ป.3 ชวนพ่อ-พี่จบชีวิต หลังบ้านถูกบังคับคดียึดขาย

ชุมพร – เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (22 เม.ย.) นายสามารถ รอดวิจิตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า มีครอบครัวที่กำลังลำบากยากจนมาก อีกทั้งกำลังโดนมรสุมลูกใหญ่ถาโถมเข้าสู่ครอบครัวดังกล่าว ถึงขั้นชวนกันฆ่าตัวตายทั้งบ้าน เพื่อหนีปัญหาดังกล่าว จึงไปพบเพื่อสอบถามรายละเอียด

โดยครอบครัวดังกล่าวคือครอบครัวของนายสุชล ฤทธิรุตม์ อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้างทำสวน ซึ่งภรรยาได้เสียชีวิตไปแล้วไม่นานนี้ แต่เนื่องด้วยครอบครัวยากจนไม่มีเงินทำศพ ชาวบ้านจึงช่วยกับรวบรวมเงินมาจัดพิธีบำเพ็บกุศลให้ ทั้งนี้ ครอบครัวนายสุชล ซึ่งมีลูก 3 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 2 คน ลูกสาวคนโต อายุ 16 ปี เรียนหนังสือระดับ ปวช.ที่วิทยาลัยการอาชีพหลังสวน ลูกชายคนกลาง อายุ 15 ปี เสียสละให้พี่สาวและน้องได้เรียนหนังสือ ส่วนตัวออกมาทำสวน และและลูกสาวคนสุดท้อง อายุ 9 ปี เรียนชั้นประถมปีที่ 3 รร.บ้านน้ำตก

ทั้งครอบครัวไม่มีที่ดินหรือบ้านเป็นของตนเอง มีฐานะยากจนมาก อดมื้อกินมื้อ ทั้ง 4 คนพ่อลูก ต่อมาได้มีชายชราใจบุญในหมู่บ้าน ทราบเรื่องได้บริจาคที่ดินบนภูเขาสูง ให้ครอบครัวนี้ 2 ไร่ 40 ตรว.เพื่อ ปลูกทุเรียน และนายสันต์ ฉิมหาด นายก อบต.บางมะพร้าว ได้ประสานอำเภอหลังสวน ได้งบประมาณ 20,000 บาท สร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้พ่อลูก 4 คน อาศัยอยู่ โดยเจ้าของที่ดินได้ทำเรื่องโอนที่ดินให้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

แต่เมื่อ 10 เดือน ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือ จากสำนักงานบังคับคดี หลังสวน จ.ชุมพร ว่าได้ทำการยึดที่ดินของนายสุชล ที่รับบริจาคมาสร้างบ้าน และ ยึดบ้านที่ปลูกบนที่ดินดังกล่าวด้วย เพื่อนำไปขายทอดตลาด ในหนังสือ บอกว่านายสุชลเป็นหนี้ บริษัทโตโยต้าลิชซิ่ง จำนวน 4 แสนกว่าบาท และเจ้าหนี้ได้อาศัยคำพิพากษาของศาล ให้ยึดบ้านและที่ดิน ที่เป็นชื่อนายสุชล เพื่อขายทอดตลาด โดยกำหนดขายในวันที่ 13 พ.ค.64 นายสุชลได้เอาหนังสือให้ลูกอ่านให้ฟังถึงกับเป็นลม เนื่องจากไม่เคยไปขอกู้เงิน หรือค้ำประกันอะไรให้ใครเลย

ต่อมาได้ออกสอบถามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนได้การว่า เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ได้มีคนสนิทในครอบครัวของนายสุชล ได้ไปขอเช่าซื้อรถยนต์กะบะยี่ห้อโตโยต้า และกู้เงินจาก บ.โตโยต้าลิซซิ่ง สาขาหนึ่ง ในจ.ชุมพร โดยมีหลักฐานบัตรประชาชนและลายมือชื่อของนายสุชล เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาทราบเพียงแต่ คนสนิทได้ออกรถยนต์กะบะคันใหม่และไปเกิดอุบัติเหตุจนรถพังเสียหาย จนกระทั่งมาทราบว่า คนสนิทที่ไปซื้อรถไม่เคยผ่อนชำระเลย จนกระทั่งเวลาผ่านไป บริษัทโตโยต้าลิซวิ่งได้ยื่นฟ้องศาลให้ผู้ซื้อและผู้ค้ำชำระหนี้ โดยที่นายสุชลไม่เคยได้รับหมายศาล เพราะที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเป็นบ้านของคนสนิทต่อมาศาลจึงตัดสินให้ นายสุชล ชดใช้หนี้ จำนวน 4 แสนกว่าบาท แทนผู้ซื้อ และนำมาสู่การยึดบ้านที่ดินเพื่อขายทอดตลาด

นายสุชลเมื่อทราบเรื่องได้พยายามวิ่งขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ แต่ทุกหน่วยงานบอกว่า เรื่องหมดอายุความที่จะอุทธรณ์หรือแก้ไขทางกฎหมายแล้ว เหลือแต่เพียงต้องไปประมูลซื้อบ้านที่ดินคืนจาก สนง.บังคับคดีหลังสวน ในวันที่ 13 พ.ค.64 เท่านั้น แต่นายสุชลก็จนปัญญาเพราะมียอดหนี้สูง ถึง 4 แสนกว่าบาท และไม่รู้ว่าจะต้องประมูลเท่าไหร่ ในเวลานี้มีเงินในชีวิตเพียงไม่ถึง 100 บาท

ผู้สื่อข่าวได้ประสานงานไปยัง นายสุวิทย์ พลานชุน ประธานสภาทนายความจังหวัดหลังสวน พร้อมทั้งนำตัวนายสุชลไปพบ เมื่อได้ดูรายละเอียด นายสุวิทย์ บอกว่า ในทางกฏหมายในคดีค้ำประกันไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เพราะเลยกำหนดที่จะขอแก้ไขคดี ที่สามารถยกข้อต่อสู้ได้ว่าไม่ใช่บุคคลที่ค้ำประกันตามสัญญา คงต้องไปต่อสู้ในการประมูลซื้อบ้านที่ดินคืนเท่านั้น นายสุชลถึงกับคอตก น้ำตาคลอเบ้า

นายสุชลยังเล่าให้ฟังต่อไปว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ลูกสาวคนสุดท้องอายุ 9 ขวบ ซึ่งรับทราบปัญหาของครอบครัวมาตลอดชีวิตตั้งแต่จำความได้ เป็นเด็กที่ไม่เคยมีความสนุกสนาน หน้าตาเศร้าหมองตลอดเวลา ได้เข้ามาพูดกับนายสุชลผู้เป็นพ่อว่า “พ่อเรามาตายกันทั้งครอบครัวเถอะ จะได้พ้นจากความลำบาก และได้ไปเกิดใหม่ อาจจะดีกว่าวันนี้ก็ได้” ทำเอานายสุชล ถึงกับตกใจ บอกกับลูกว่า “อย่ายอมแพ้ อย่าท้อถอย ยังมีหนทางที่จะต่อสู้ได้”

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ ด.ญ.เล็ก (นามสมมติ) ว่าทำไม ถึงคิดฆ่าตัวตายพร้อมพ่อ ก็ได้รับคำตอบว่า “ไม่อยากเห็นบ้านที่ดินถูกยึด ถ้าตายไปอาจจะเกิดมาสบายกว่านี้” เมื่อถามว่าถ้าบ้านโดนยึดจะฆ่าตัวตายไหม ด.ญ.เล็กนิ่งไม่ยอมตอบ จึงถามต่อไปว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร ด.ญ.เล็ก บอกว่าอยากเป็นตำรวจ แต่ตอนนี้ไม่อยากให้บ้านถูกยึดจะได้มีที่อยู่ไว้เรียนหนังสือ

ข้อมูล : เรื่องเล่าเช้านี้

  ถมนคร เครื่องถมเมืองนคร<