วันที่ 3 พ.ค.2564 เวลา 15.00 น. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง รายงานสถิติผู้ติดเชื้อโควิด COVID-19 ระลอกใหม่เมษายน ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง พบผู้ป่วยโควิด-19 ระลอกเมษายน เพิ่ม 18 รายยอดผู้ป่วยสะสม 293 ราย รักษาหายแล้ว 36 ราย เสียชีวิต 2 ราย
สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 พื้นที่จังหวัดพัทลุง ควบคุมไม่อยู่บานปลายกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่ยอมกักตัวร่วมงานสังคมแพร่เชื้อต่อเนื่อง พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มพุ่งพรวดคลัสเตอร์ใหญ่มาจากงานแต่งงาน ตำบลคลองใหญ่ พื้นที่อำเภอตะโหมด 16 ราย และนักแสดงมโนรา ตำบลป่าพะยอม พื้นที่อำเภอป่าพะยอม อีก 16 ราย
ทันที ที่พบผู้ป่วยเพิ่มคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุงได้ประกาศให้ 2 อำเภอ คือป่าพะยอม และอำเภอล่าสุดคืออำเภอตะโหมด ภายในหมู่บ้านที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อสูงและมีกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนงดการเดินทาง หรือออกนอกเคหสถานหรือที่พำนัก และงดเข้าพื้นที่เสี่ยง ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 16 พฤษภคม 2564 โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกตรวจเฝ้าระวังในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพัทลุง เตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามจังหวัดพัทลุงระดับสูงสุด เนื่องจากพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวันซึ่งเมื่อวานนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวน 52 ราย และวันนี้คาดว่าจะจำนวนมาก ถือว่าพบผู้ป่วยจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆของภาคใต้ รวมผู้ป่วยที่รักษาตัวโรงพยาบาลสนามจำนวน 63 ราย
โดยวันนี้ทหารจากค่ายอภัยบริรักษ์ ได้นำที่นอนพร้อมเตียงนอน จากค่ายอภัยบริรักษ์ เข้าเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลสนาม จำนวน 90 ชุด รับรองผู้ป่วยจากโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง หลังโรงพยาบาลแต่ละแห่งไม่สามารถรับรองผู้ป่วยติดเชื้อโควิดได้อีก
ขณะเดียวกันมีหน่วยงานเอกชนจำนวนมากบริจาคสิ่งของให้โรงพยาบาลสนามอย่างเช่นวันนี้ หอการค้าจังหวัดพัทลุงมอบข้าวสาร 680 กิโลกรัม น้ำดื่ม 3,720 ขวด พร้อมเงินอีกจำนวน 20,000 บาท
ทางด้านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า จังหวัดพัทลุงยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวแต่อย่างใด เพียงแต่ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนงดการเดินทาง หรือออกนอกเคหสถานหรือที่พำนักตั้งแต่เวลา 24.00 น. – 03.00 น. โดยเฉพาะงดเข้าพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ถูกล็อคดาวน์ ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อประกาศ
อ.ตะโหมด ออกประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนงดออกจากเคหสถาน หรือสถานที่พำนักและงดเข้าพื้นที่เสี่ยง เป็นเวลา 15 วัน (3พ.ค.-17พ.ค.) หากมีความจำเป็นให้ออกได้ 1 คนเพื่อหาซื้ออาหาร