“หมอเบียร์” แพทย์ผู้เชียวชาญงานติดเชื้อ งานระบาด รพ.แม่สอด ระบุว่าสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.ตากกว่า 1 ปี มีผู้ป่วยราว 400 คน ยอมรับว่าการระบาดระลอกใหม่นี้ อาการโหดมากจริงๆ นิสัยของมันดุดัน คนไข้เกือบทุกคนมีไข้ นอนซม อาการแย่ ไม่ว่าจะอายุน้อยหรือผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะมีโรคประจำตัวหรือไม่ ทุกคนมีโอกาสอาการแย่ลงได้หมด
พญ.ณัฐกานต์ ยังได้ยกเคสตัวอย่าง อาการคนไข้เป็นผู้ป่วย เพศหญิงอายุ 58 ปี มีไขมันในเลือดสูง ปกติสุขภาพแข็งแรงมาก เมื่อเริ่มมีอาการป่วย
วันแรกมีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ไอแห้ง หมอส่งตรวจเลือด และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR ผลตรวจพบเชื้อโควิด-19 ตรวจเอกซเรย์ปอดยังปกติดี
วันที่ 2 มีไข้สูง อาการแย่ลง กินข้าวไม่ได้ นอนทั้งวัน ยังไม่มีภาวะปอดอักเสบ หมอพิจารณาให้ยาลดไวรัสฟาวิพิราเวียร์
วันที่ 3 ไข้ยังสูงทั้งๆ ที่กินยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว เอกซเรย์ปอดเห็นฝ้าลางๆ ออกซิเจนในเลือดยังดีอยู่ จึงให้สเตียรอยด์ขนาดต่ำๆ เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายขึ้นไข้ลดลง
วันที่ 4 อาการทรงๆ ดูฟิล์มเอกซเรย์ ปอดมีฝ้าใกล้เคียงกับวันที่ 3
วันที่ 5 ผู้ป่วยเหนื่อยขึ้นมากๆ ออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือ 88% เอกซเรย์ปอดซ้ำ ฝ้าขาวขึ้นพรึ่บทั้งปอด หมอให้สเตียรอยด์ขนาดสูง เปลี่ยนจาก dexamethasone เป็น methylprednisolone 750 mg IV ให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียไปด้วย ให้ยาถ่ายพยาธิเพื่อป้องกันเนื่องจากให้สเตียรอยด์นานพยาธิในตัวจะออกมาเพ่นพ่าน เปลี่ยนชนิดของการให้ออกซิเจนจาก canula เป็น High flow oxygen หลังจากนั้น 12 ชม.อาการทรงตัวแบบลุ้นทุกชั่วโมง
วันที่ 6 ออกซิเจนยังลดต่ำต่อเนื่อง ให้ยาต่อ ให้สเตียรอยด์ขนาดสูง ให้ยาละลายลิ่มเลือดรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดโดยการคาดเดาเพราะเคลื่อนย้ายไปทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ไม่ได้ พูดคุย บีบมือให้กำลังใจคนไข้ ให้นั่งสมาธิ ฟังเทปธรรมะ ฟังเพลง บังคับให้กินอาหารที่มีพลังงานสูง กินตลอดเวลา
วันที่ 7-8-9-10 อาการค่อยๆดีขึ้นต่อเนื่อง หยุดยาไวรัส หยุดสเตียรอยด์ เอกซเรย์ปอด ฝ้าเคลียร์ขึ้นมาก
“หมอนอนไม่ค่อยหลับมาหลายวันเพราะความกังวล สถิติระลอกนี้ คนไข้หนักประมาณ 50% ประมาทไม่ได้เลยจ้า ติดจริง เจ็บจริง ตายจริง..ไม่มีตัวแสดงแทน…นี่ขนาดตัวเองเป็นหมอคนรักษายังเครียดขนาดนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าคนไข้ที่นอนรอลุ้นอยู่บนเตียงในวอร์ด Cohort ว่าตัวเองจะดีขึ้น แย่ลงหรือจะต้องตายเขาจะรู้สึกอย่างไร เราอาจจยังไม่มียาต้านไวรัสที่ดีที่สุด เรากำลังเริ่มได้ฉีดวัคซีนแม้จะเลือกไม่ได้
เราอาจจะไม่มีเตียงผู้ป่วยหนักที่เพียงพอและดีพอสำหรับทุกคน แต่คนไทยทุกคนมีความสามัคคี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เห็นอกเห็นใจกันและกัน วินาทีนี้เราต้องเอาออกมาใช้ รับผิดชอบสังคมด้วยการไม่แพร่เชื้อ รู้ตัวว่าเสี่ยงให้หยุดอยู่บ้าน หยุดปาร์ตี สวมแมสก์ ล้างมือเป็นกิจวัตร หากป่วยให้มาพบแพทย์โดยเร็วและไม่ปกปิดข้อมูล ฉีดวัคซีนป้องกันให้ครอบคลุม หากเราช่วยกันมันต้องดี” พญ.ณัฐกานต์ระบุ
เครดิตแหล่งข้อมูล : เฟซบุ๊ก Nuttagarn Chuenchom
<