จากกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วและเป็นวงกว้างมากที่สุด รวมทั้งมีนโยบายจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนนั้น
ล่าสุด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เปิดเผย เกณฑ์และเงื่อนไขการเยียวยาผลกระทบหลังฉีดวัคซีน โดยสปสช.ได้เตรียมงบประมาณไว้ 100.32 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนครอบคลุมคนไทยทุกสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ประกันสังคม บัตรทอง สิทธิข้าราชการ และบุคลากรสาธารณสุข โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเยียวยาแพ้วัคซีนมีดังนี้
– ตาย หรือทุพพลภาพถาวร ได้รับไม่เกิน 400,000 บาท
– เสียอวัยวะหรือพิการ ไม่เกิน 240,000 บาท
– บาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง ไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถยื่นเรื่องได้ที่โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และเขต สปสช. ซึ่งจะมีคณะกรรมการพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาภายใน 5 วันหลังยื่นคำร้อง
ในเวลานี้ มีผู้ยื่นขอเยียวยาแล้ว 218 ราย ซึ่งถือว่าตัวเลขไม่ได้ เมื่อเทียบกับจำนวนที่ฉีดไปแล้วทั้งหมด 91,551 เข็ม คิดเป็น 0.24% และกลุ่มที่มีอาการรุนแรงก็มีแค่ 0.05% เท่านั้น และคำว่ามีอาการรุนแรงนี้ก็ไม่ใช่อาการรุนแรงน่ากลัวแบบเลือดตกยางออก หรือมีผลจนอาจเสียชีวิตแต่อย่างใด
ด้าน พญ.สุชาดา เจียมศิริ รองผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า อาการไม่พึงประสงค์รุนแรงหลังฉีดวัคซีนหรือแพ้วัคซีน จะมีเช่น หอบหืด ผื่นขึ้น หน้าบวม เป็นผื่นเฉพาะที่ หมดสติ ช็อค อาการเหล่านี้สามารถรักษาได้และไม่มีผลในระยะยาว และโอกาสที่จะเกิดการแพ้รุนแรงมีน้อยมาก ส่วนกรณีของวัคซีนโควิดขณะนี้ฉีดเข็มแรกไป 1.46 ล้านโดสแล้ว ไม่มีใครที่มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนคนที่แพ้ก็อาการดีขึ้นหมดแล้ว
เฟซบุ๊กเพจ “ศูนย์ข้อมูล COVID-19” โพสต์ข้อความอ้างอิงข้อมูลจาก น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ที่ระบุว่า สปสช. พร้อมเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนและมีใบยืนยันอาการแพ้วัคซีนจากสถานที่ฉีดวัคซีน ตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ 5) โดยจัดสรรวงเงิน 100 ล้านบาท สำหรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับคนไทยทุกคนที่ได้รับความเสียหายจากการวัคซีนโควิด มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา
ซึ่งขณะนี้มี 2 เขตที่เสนอข้อมูลการขอรับเงินช่วยเหลือ คือ สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ และ สปสช.เขต 10 อุบลราชธานี เขตพื้นที่อื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล.